Pluckley, Kent
ที่นี่เป็นหมู่บ้านที่มีผีสิงมากที่สุดในสหราชอาณาจักร เมือง Pluckley อยู่ใกล้กับเมือง Ashford ในเคน ถ้าใครสนใจอยากจะเห็นผีมากกว่าโหลขึ้นไป ขอแนะนำที่นี่เลย มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าเกลียดน่ากลัว และน่าตกใจ เป็นที่ร่ำลือกันว่าคุณยังสามารถได้ยินเสียงร้องของวิญญาณในแทบทุกๆคืน และในทุกๆวันฮาโลวีนก็มักจะมีผู้คนแห่กันมาล่าท้าผีกันที่นี่ จนคนที่นี่เริ่มจะเบื่อกันทั้งเมืองอยู่แล้ว ว่าเข้าไปนั่น ฮ่าๆๆ....
The Island of the Dolls, Mexico
Xochimilco เป็นอำเภอของเม็กซิโกซิตี้ที่มีพื้นที่กว้างขวางของคลองและเกาะเทียมที่มีชื่อเสียงที่สุดของซึ่งเป็นของผู้ชายคนหนึ่งชื่อ จูเลียนซานตาบาร์เรร่า หลังจากที่เขาค้นพบร่างของหญิงสาวที่ตายในคลองใกล้เคียง เขาจึงเริ่มเก็บตุ๊กตาทิ้งและชิ้นส่วนตุ๊กตาที่เขาจะเอามาแขวนบนต้นไม้บนเกาะของเขาด้วยความเชื่อที่ว่าจะสามารถขับไล่วิญญาณชั่วร้ายออกจากที่นี่ได้ ต่อมาเขาได้เสียชีวิตลงในปี 2001 แต่ยังคงมีตุ๊กตาหลงเหลือไว้บนเกาะดูน่าขนลุก คุณสามารถเข้าชมได้โดยทางเรือเพียงเท่านั้น .... สยองซะ....จะไปกันไหม อิอิ...
Hashima Island, Japan
เกาะนี้อยู่ห่าง 15km จากนางาซากิ เคยถูกใช้เป็นสถานที่ทำเหมืองถ่านหินระหว่างปี 1887 และปี 1974 มีประชากรถึงจุดสูงสุดถึง 5,259 คนในปี 1959 หลังจากที่น้ำมันได้มาแทนที่ถ่านหินทั่วประเทศญี่ปุ่นในปี 1960, Hashima ถูกทอดทิ้งและเป็นที่รู้จักกันตอนนี้ว่าเป็น "เกาะผีสิง"ส่วนเล็ก ๆ ของเกาะมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวในปี 2009 และการเดินทางไปเที่ยวชมสถานที่นี้ ต้องเดินทางด้วยเรือเพียงเท่านั้น.... อ่ะ อันนี้ หลายคนคงรู้จักแล้วนะ
Tower of London
หอคอย แห่งลอนดอนสร้างมาเกือบพันปีแล้ว เป็นโบราณสถานที่มีประวัติเกี่ยวข้องโดยตรงกับการขึ้นครองราชย์ การแย่งชิงราชบัลลังก์และการสร้างชาติของอังกฤษ ที่นี่เคยใช้เป็นทั้งพระราชวัง ป้อมปราการ ที่คุมขังนักโทษและเป็นลานประหาร ผีที่ร่ำลือกันและมีคนกล่าวอ้างว่ามาปรากฎร่างให้เห็น ว่ากันว่าเป็นวิญญาณของเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ที่ต้องมาจบชีวิตในป้อมแห่งนี้ ส่วนใหญ่จากไปแบบ "ตายโหง" ความที่ใช้เป็นที่คุมขังนักโทษและลานประหารนี่เอง ทำให้หอคอยแห่งลอนดอนมีประวัติที่ชวนให้ขนลุกและน่าสยดสยองพ่วงเข้าไป ด้วย... ผีขุนนางด้วยนะ อยากเห็น เชิญได้นะครับ อิอิ
The Hill of Crosses, Lithuania
เมือง ซัวเลย์เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความเก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศลิทัว เนีย ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ 1236 ในอดีตเป็นเมืองที่เคยถูกเผาในช่วงยุคสงครามถึง 7 ครั้ง 7 คราวด้วยกัน แต่ปัจจุบันสามารถฟื้นฟูได้จนกลายเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของลิทัวเนีย
ระหว่างเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองชัวเลย์ เราจะพบสุสานไม้ กางเขน (Hill of Crosses) สถานที่อันแสดงถึงความเชื่อของผู้คนที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีมายาวนานนับตั้งแต่ช่วงยุคสงคราม พบสุสานไม้กางเขนนับแสนชิ้นที่มีมากมายนับไม่ถ้วน จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังมีคนนำมาทิ้งไว้อย่างต่อเนื่อง... บ้านเราก็มีนะ ทิ้งศาลเจ้ากองไว้เยอะๆแบบนี้เหมือนกันเป้ะๆ อึ้ยยยย....
Paris Catacombs
เป็น สุสานใต้ดินที่ได้รับการกล่าวขานอย่างมากของกรุงปารีส โดยสุสานใต้ดินแห่งนี้ เป็นสุสานที่สร้างขึ้นเพื่อเก็บศพไว้ใต้ดิน โดยในอดีตนั้นประชากรในกรุงปารีสได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว และกรุงปารีสเองก็ไม่มีสุสานไว้เก็บกระดูกของคนตาย ด้วยเสียงเรียกร้องของประชาชน จึงได้มีการจัดสร้างสุสานใต้ดินนี้ขึ้นมานั่นเอง ภายในสุสานคุณจะพบกับกำแพง กระดูก และกะโหลก ที่มีมากมายก่ายกอง และขอเตือนว่าคนขวัญอ่อนไม่ควรเข้าชม....แค่เห็นรูปก็ไม่กล้าแย้ววววว เง้อออออ
Edinburgh
Castle
ปราสาทเอดินเบอระ , สก็อตแลนด์ ปราสาทยุคกลางอันสง่างามแห่งนี้ ภายในเต็มไปด้วยห้องว่างเปล่า ทางเดินแคบๆ และเสียงสะท้อน แห่งความตาย เนื่องจากภายในปราสาทแห่งนี้ แม้แต่ตามถนนแคบๆ นั่นก็ด้วย ใช้เป็นที่กักขังและหลุมฝังศพในคราวเดียวสำหรับนักโทษและคนเป็นโรคระบาด รวมทั้งศพของนักตีกลองที่หัวขาดจากการทำสงครามกับฝรั่งเศสและสงครามประกาศ อิสรภาพของอเมริกัน เสียงร่ำลือของวิญญาณที่นี่ทำให้ทีมนักวิทยาศาสตร์นำโดย ดร.ริชาร์ด ไวสแมน จากมหาวิทยาลัยเฮิร์ตฟอร์ดเชียร์ เดินทางมาพิสูจน์เรื่องผีๆ ตั้งแต่ในปี 2001 เป็นต้นมา.... ที่ไหนที่มันใหญ่ๆโตๆเก่าๆนี่มันมักจะมีผีตลอดเลยอะเนอะ ไม่รู้ทำไม หุหุ.....
ปราสาทเอดินเบอระ , สก็อตแลนด์ ปราสาทยุคกลางอันสง่างามแห่งนี้ ภายในเต็มไปด้วยห้องว่างเปล่า ทางเดินแคบๆ และเสียงสะท้อน แห่งความตาย เนื่องจากภายในปราสาทแห่งนี้ แม้แต่ตามถนนแคบๆ นั่นก็ด้วย ใช้เป็นที่กักขังและหลุมฝังศพในคราวเดียวสำหรับนักโทษและคนเป็นโรคระบาด รวมทั้งศพของนักตีกลองที่หัวขาดจากการทำสงครามกับฝรั่งเศสและสงครามประกาศ อิสรภาพของอเมริกัน เสียงร่ำลือของวิญญาณที่นี่ทำให้ทีมนักวิทยาศาสตร์นำโดย ดร.ริชาร์ด ไวสแมน จากมหาวิทยาลัยเฮิร์ตฟอร์ดเชียร์ เดินทางมาพิสูจน์เรื่องผีๆ ตั้งแต่ในปี 2001 เป็นต้นมา.... ที่ไหนที่มันใหญ่ๆโตๆเก่าๆนี่มันมักจะมีผีตลอดเลยอะเนอะ ไม่รู้ทำไม หุหุ.....
Pripyat,
Ukraine
ยินดี ต้อนรับสู่ Pripyat เมืองร้างที่เชอร์โนบิล เมื่อเครื่องปฏิกรณ์ที่สี่ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิลระเบิดในเดือน เมษายนปี 1986 ได้ส่งกลุ่มควันหนาขนาดใหญ่ไปในยุโรป ไม่มีใครนึกว่าวันหนึ่งที่นี่จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่น่าตื่นเต้น ทางยูเครนได้ประกาศการจำกัดการเข้าชม ถึงแม้จะอนุญาติให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมได้ แต่ก็ยกเว้นบริเวณรัศมี 30 กิโลเมตรจากเครื่องปฏิกรณ์ที่ระเบิด
โฆษกรัฐยูเครนกล่าวว่า "การเดินทางไปเยี่ยมชมเชอร์โนบิลจะเปลี่ยนพวกเขา คนจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรตระหนักถึงจากกรณีภัยพิบัตินิวเคลียร์"
ผู้ เชี่ยวชาญกล่าวว่า "รังสียังคงกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ผู้เข้าชมควรปฏิบัติตามคำแนะนำและระมัดระวังอย่างมาก และอย่าแตกออกจากกลุ่มในระหว่างการสำรวจที่นี่" International Atomic Energy Agency กล่าวว่า ยังคงมีไอโซโทปกัมมันตรังสีอยู่ในเขตที่ยกเว้น ระดับความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในช่วงเวลาที่จำกัด Pripyat เคยเป็นที่อยู่อาศัยของประชากร 50,000 คนรวมทั้งแรงงานจากโรงงานเชอร์โนบิลซึ่งอยู่ใกล้เคียง จนกระทั่งหลังการระเบิดของเตาปฏิกรณ์ 36 ชั่วโมง ได้มีการอพยพออกไป โดยบอกพวกเขาว่าจะอพยพไปเพียงสองสามวันเท่านั้น แต่ชาวเมืองก็ไม่ได้กลับมายังที่อาศัยของพวกเขาอีกเลย...
ทุก วันนี้เป็นเวลากว่าสองทศวรรษแล้ว ถนนของเมืองรก โรงเรียน อพาทเมนท์ และร้านค้า พังทลายตามกาลเวลา ตั้งแต่ของเล่นในโรงเรียนอนุบาล โฆษณาชวนเชื่อในยุคโซเวียต ที่ถูกลืม การเดินเล่นผ่าน Pripyat ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นฉากหนึ่งในฮอลลีวูด
เชอร์ โนบิลอยู่ห่างจากเมือง Kiev เมืองหลวงของยูเครนประมาณ 70 ไมล์ ไม่มีการท่องเที่ยวด้วยตนเองในเขตจำกัดและเป็นการท่องเที่ยวแบบวันเดียวที่ ได้รับการรับรอง ราคาอยู่ที่ประมาณ 100 - 300 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับจำนวนคนในกลุ่ม... ไปเที่ยวแล้วจะคุ้มไหมเนี่ย......
เมือง
ร้างที่ถูกล้อมด้วยกำแพงในยุคกลางของเมืองคราโค่ที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 400 ฟุต
เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า “ต้องคำสาป” ด้วยภัยพิบัติ
ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้งที่ทำให้ผลิตผลทางการเกษตรไม่ดี การถูกโจรปล้นบ้านเรือน
และสุดท้าย การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลายครั้งติดกัน ทำให้ผู้คนเสียชีวิตไปมากมาย
และเสียหายเกินกว่าที่จะได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ ในที่สุดทำให้เมืองล่มสลายลงใน ปี
1960ยินดี ต้อนรับสู่ Pripyat เมืองร้างที่เชอร์โนบิล เมื่อเครื่องปฏิกรณ์ที่สี่ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิลระเบิดในเดือน เมษายนปี 1986 ได้ส่งกลุ่มควันหนาขนาดใหญ่ไปในยุโรป ไม่มีใครนึกว่าวันหนึ่งที่นี่จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่น่าตื่นเต้น ทางยูเครนได้ประกาศการจำกัดการเข้าชม ถึงแม้จะอนุญาติให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมได้ แต่ก็ยกเว้นบริเวณรัศมี 30 กิโลเมตรจากเครื่องปฏิกรณ์ที่ระเบิด
โฆษกรัฐยูเครนกล่าวว่า "การเดินทางไปเยี่ยมชมเชอร์โนบิลจะเปลี่ยนพวกเขา คนจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรตระหนักถึงจากกรณีภัยพิบัตินิวเคลียร์"
ผู้ เชี่ยวชาญกล่าวว่า "รังสียังคงกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ผู้เข้าชมควรปฏิบัติตามคำแนะนำและระมัดระวังอย่างมาก และอย่าแตกออกจากกลุ่มในระหว่างการสำรวจที่นี่" International Atomic Energy Agency กล่าวว่า ยังคงมีไอโซโทปกัมมันตรังสีอยู่ในเขตที่ยกเว้น ระดับความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในช่วงเวลาที่จำกัด Pripyat เคยเป็นที่อยู่อาศัยของประชากร 50,000 คนรวมทั้งแรงงานจากโรงงานเชอร์โนบิลซึ่งอยู่ใกล้เคียง จนกระทั่งหลังการระเบิดของเตาปฏิกรณ์ 36 ชั่วโมง ได้มีการอพยพออกไป โดยบอกพวกเขาว่าจะอพยพไปเพียงสองสามวันเท่านั้น แต่ชาวเมืองก็ไม่ได้กลับมายังที่อาศัยของพวกเขาอีกเลย...
ทุก วันนี้เป็นเวลากว่าสองทศวรรษแล้ว ถนนของเมืองรก โรงเรียน อพาทเมนท์ และร้านค้า พังทลายตามกาลเวลา ตั้งแต่ของเล่นในโรงเรียนอนุบาล โฆษณาชวนเชื่อในยุคโซเวียต ที่ถูกลืม การเดินเล่นผ่าน Pripyat ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นฉากหนึ่งในฮอลลีวูด
เชอร์ โนบิลอยู่ห่างจากเมือง Kiev เมืองหลวงของยูเครนประมาณ 70 ไมล์ ไม่มีการท่องเที่ยวด้วยตนเองในเขตจำกัดและเป็นการท่องเที่ยวแบบวันเดียวที่ ได้รับการรับรอง ราคาอยู่ที่ประมาณ 100 - 300 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับจำนวนคนในกลุ่ม... ไปเที่ยวแล้วจะคุ้มไหมเนี่ย......
Craco - City of the Dead
เมือง
ร้างที่ถูกล้อมด้วยกำแพงในยุคกลางของเมืองคราโค่ที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 400 ฟุต
เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า “ต้องคำสาป” ด้วยภัยพิบัติ
ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้งที่ทำให้ผลิตผลทางการเกษตรไม่ดี การถูกโจรปล้นบ้านเรือน
และสุดท้าย การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลายครั้งติดกัน ทำให้ผู้คนเสียชีวิตไปมากมาย
และเสียหายเกินกว่าที่จะได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ ในที่สุดทำให้เมืองล่มสลายลงใน ปี
1960 - See more at:
http://travel.truelife.com/detail/1780539#sthash.aC379oKm.dpuf
เมือง
ร้างที่ถูกล้อมด้วยกำแพงในยุคกลางของเมืองคราโค่ที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 400 ฟุต
เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า “ต้องคำสาป” ด้วยภัยพิบัติ
ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้งที่ทำให้ผลิตผลทางการเกษตรไม่ดี การถูกโจรปล้นบ้านเรือน
และสุดท้าย การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลายครั้งติดกัน ทำให้ผู้คนเสียชีวิตไปมากมาย
และเสียหายเกินกว่าที่จะได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ ในที่สุดทำให้เมืองล่มสลายลงใน ปี
1960 - See more at:
http://travel.truelife.com/detail/1780539#sthash.aC379oKm.dpuf
Borley Rectory, Essex
โบสถ์ แห่งบอร์ลีย์(บอร์ลีย์ เรคตอรีย์) หลังนี้ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงลอนดอนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 60 ไมล์ แถบชานเมืองเอสเซกซ์ (Essex) ได้มีการบันทึกเป็นครั้งแรกไว้ในหนังสือ 1066 วันพิพากษา(1066 Doomsday Book) กล่าวถึงคฤหาสน์ของบอร์ลีย์ซึ่งต่อมามีการตั้งโบสถ์ไม้นี้ เมื่อ ค.ศ.1362 นักบวชในนิกายเบเนดิกทีน(Benedictine) และแม่ชีจากสำนักชีในละแวกนั้น ได้ถูกกล่าวหาว่ากระทำการเป็นหมอผี ทั้งสองพยายามที่จะหนี แต่ถูกพวกชาวบ้านที่งมงายขัดขวาง สุดท้ายนักบวชถูกแขวนคอ ส่วนแม่ชีถูกฝังให้เป็นภายในผนังของสำนักชี
โบสถ์ ของบอร์ลีย์เป็นอาคารก่อด้วยอิฐแดง สร้างใน ค.ศ.1863 โดยบาทหลวงเฮนรี ดาวสัน เอลลิส บุลล์ พระอธิการปกครองแห่งบอร์ลีย์ โดยท่านอธิการได้ตั้งรกรากอยู่ที่นี้กับภรรยา คือแครอลีน ทั้งสองมีลูกด้วยกันถึง 14 คน
หลังจากนั้นเป็นต้นมาเหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้น.................
ครั้ง แรก เมื่อวันที่ 18 กรกฏาคม ค.ศ.1900 โดยลูกสาว 3 คนของบาทหลวงเฮนรี บุลล์ ได้เห็นแม่ชีประหลาดคนหนึ่งเดินอยู่ในโบสถ์ จึงคิดไปทักทายตามมารยาท แต่ปรากฏว่าแม่ชีได้เดินหายเข้าไปทางด้านหลังโบสถ์อย่างไร้ร่องรอย หลังจากนั้นก็ได้มาปรากฏตัวโดยยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าให้ช่างไม้ที่เข้ามาทำ งานเห็นถึงสี่ครั้งในเวลาต่างกัน
ตั้งแต่ นั้นการได้เห็นแม่ชีปริศนานี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับโบสถ์ แห่งนี้เสียแล้ว จนถึงปี ค.ศ.1928 สมาชิกครอบครัวของบาทหลวงบูลล์ก็ย้ายออกไป และบาทหลวงกาย สมิธและภรรยาก็เข้ามาอยู่แทน ทั้งสองได้ประสบเหตุการณ์ประหลาดสยองนอกเหนือจากการเห็นแม่ชีปริศนา เช่น จู่ๆ ก็มีก้อนหินขว้างมาโดยไม่ปรากฏผู้ขว้าง รอยเท้าประหลาด การได้ยินเสียงหลอนน่ากลัวยามค่ำคืน แสงไฟจากห้องมืด หรือแม้กระทั้งรถม้าปีศาจก็โผล่ออกมาให้เห็น ส่วนแม่ชีปริศนาก็โผล่มาแม้แต่ตอนกลางวันแสกๆ.....
ใน
เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1939 บอร์ลีย์ เรคตอรีย์
ถูกเพลิงไหม้เผาผลาญยุบลงกองกับพื้นเหลืออยู่แต่ตัวโครงอาคาร
เหตุการณ์เกิดขึ้นก็เพราะว่าในตอนนั้น นายร้อยเอกดับบลิว. เอ็ช. เกรกอรีย์
ได้ซื้อบ้านหลังนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองเลย และได้เข้าพำนักใน "บ้านผีสิง"
ในระหว่างที่นายร้อยเอกเกรกอรีย์กำลังค้นหาหนังสือบางเล่ม
หนังสือที่จัดตั้งไว้กองหนึ่งก็ปลิวกระจัดกระจายก็ไป
กระแทก ตะเกียงน้ำมันดวงหนึ่งพลิกคว่ำ ทำให้เกิดเพลิงไหม้ลุกลามไปทั่วสถานที่นั้น จนกระทั่งในที่สุดบอร์ลีย์ เรคตอรีย์ ถูกเผาผลาญยุบตัวหมดทั้งหลังเหลืออยู่แต่ส่วนโครงโด่เด่ หลังจากเกิดเพลิงลุกไหม้หนึ่งเดือน และเมื่อเพลิงสงบโบสถ์แห่งนี้ก็เหลือเพียงซากอาคารเท่านั้น
แต่ ถึงแม้โบสถ์จะเหลือแต่ซากก็ยังมีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นต่อเนื่อง มีสุภาพสตรีกลุ่มหนึ่งในท้องถิ่นนั้นได้ไปเยี่ยมชมซากอาคารเป็นสุภาพสตรีรวม สี่คน ทั้งสี่คนนั้นได้เห็น "ผู้หญิงคนหนึ่ง" สวมชุดสีฟ้า กำลังเดินเข้าห้องชั้นบนห้องหนึ่งจากนั้นก็เกิดหลายอย่างเป็นเวลาต่อเนื่อง ไปอีกกว่า
หกปี! หลังจากนั้นปรากฏการณ์แปลกๆ ก็ค่อยๆ สงบรำงับลงตามลำดับเวลา
กระแทก ตะเกียงน้ำมันดวงหนึ่งพลิกคว่ำ ทำให้เกิดเพลิงไหม้ลุกลามไปทั่วสถานที่นั้น จนกระทั่งในที่สุดบอร์ลีย์ เรคตอรีย์ ถูกเผาผลาญยุบตัวหมดทั้งหลังเหลืออยู่แต่ส่วนโครงโด่เด่ หลังจากเกิดเพลิงลุกไหม้หนึ่งเดือน และเมื่อเพลิงสงบโบสถ์แห่งนี้ก็เหลือเพียงซากอาคารเท่านั้น
แต่ ถึงแม้โบสถ์จะเหลือแต่ซากก็ยังมีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นต่อเนื่อง มีสุภาพสตรีกลุ่มหนึ่งในท้องถิ่นนั้นได้ไปเยี่ยมชมซากอาคารเป็นสุภาพสตรีรวม สี่คน ทั้งสี่คนนั้นได้เห็น "ผู้หญิงคนหนึ่ง" สวมชุดสีฟ้า กำลังเดินเข้าห้องชั้นบนห้องหนึ่งจากนั้นก็เกิดหลายอย่างเป็นเวลาต่อเนื่อง ไปอีกกว่า
หกปี! หลังจากนั้นปรากฏการณ์แปลกๆ ก็ค่อยๆ สงบรำงับลงตามลำดับเวลา
หลัง จากวันที่ 29 เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1945
เมื่อ มีผู้ค้นพบกะโหลกของหญิงสาวผู้หนึ่งภายในซากของอาคารแห่งนั้น
ค้นพบหัวกะโหลกตรงจุดด้านล้างของส่วนพื้นห้องใต้ถุนของตัวอาคาร
หัวกะโหลกนั้นได้ถูกนำไปกลบฝังตามพิธีการทางศาสนา
หลัง จากนั้นปรากฏการณ์แปลกๆ ที่จุดบอร์ลีย์ เรคตอรีย์ ก็แทบจะสงบรำงับลงโดยสิ้นเชิง ซากปรักหักพังของบอร์ลีย์เรคตอรีย์ ได้ถูกกวาดออดไปหมด จนราบเรียบเป็นหน้ากลอง
อย่าง ไรก็ตาม นายฮารีย์ ไพรส์ พร้อมด้วยกลุ่มเพื่อนฝูงของเขาพากันไปเยี่ยมเยียน "ซากแห่งบอลีย์ เรคตอรีย์" เป็นครั้งสุดท้าย และเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของนายไพรส์เป็นตากล้องในสังกัดนิตยสาร "ไลฟ์" เขาได้ตั้งกล้องถ่ายภาพชุดครั้งนี้ ปรากฏว่ามีอยู่ภาพหนึ่งเมื่อนำฟิล์มมาล้างอัดภาพเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ปรากฏให้เห็นในภาพนั้น ก็คือก้อนอิฐก้อนหนึ่งจากซากอาคารลอยตัวตั้งเด่อยู่ท่ามกลางอากาศ ลอยตัวตั้งเด่อยู่ด้านหน้าของช่องทางอันมือคล้ำช่องหนึ่ง!
แหม๋......เฮี้ยนซะขนาดนั้น!!!
หลัง จากนั้นปรากฏการณ์แปลกๆ ที่จุดบอร์ลีย์ เรคตอรีย์ ก็แทบจะสงบรำงับลงโดยสิ้นเชิง ซากปรักหักพังของบอร์ลีย์เรคตอรีย์ ได้ถูกกวาดออดไปหมด จนราบเรียบเป็นหน้ากลอง
อย่าง ไรก็ตาม นายฮารีย์ ไพรส์ พร้อมด้วยกลุ่มเพื่อนฝูงของเขาพากันไปเยี่ยมเยียน "ซากแห่งบอลีย์ เรคตอรีย์" เป็นครั้งสุดท้าย และเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของนายไพรส์เป็นตากล้องในสังกัดนิตยสาร "ไลฟ์" เขาได้ตั้งกล้องถ่ายภาพชุดครั้งนี้ ปรากฏว่ามีอยู่ภาพหนึ่งเมื่อนำฟิล์มมาล้างอัดภาพเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ปรากฏให้เห็นในภาพนั้น ก็คือก้อนอิฐก้อนหนึ่งจากซากอาคารลอยตัวตั้งเด่อยู่ท่ามกลางอากาศ ลอยตัวตั้งเด่อยู่ด้านหน้าของช่องทางอันมือคล้ำช่องหนึ่ง!
แหม๋......เฮี้ยนซะขนาดนั้น!!!
พอหอมปากหอมคอกันไปนะครับ ไว้โอกาสต่อไปจะนำเสนอสถานที่ ที่น่าขนลุกจากทั่วโลกให้ดูกันต่ออีกนะครับ
วันนี้ขนลุกมาพอแล้ว ฮ่าๆๆ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น